บริการการออกแบบโคกหนองนาโมเดลจังหวัดยะลา
โคก-หนอง-นา โมเดล คือ อะไร
โคก-หนอง-นา โมเดล คือ การจัดการพื้นที่ซึ่งเหมาะกับพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่นั้นๆ โคก-หนอง-นา โมเดล เป็นการที่ให้ธรรมชาติจัดการตัวมันเองโดยมี มนุษย์เป็นส่วนส่งเสริมให้มันสำเร็จเร็วขึ้น อย่างเป็นระบบ
โคก-หนอง-นา โมเดล ซึ่งเป็นแนวทางทำเกษตรอินทรีย์และการสร้างชีวิตที่ยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
1. โคก: พื้นที่สูง
– ดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นให้นำมาทำโคก บนโคกปลูก “ป่า 3อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ
– ปลูกพืช ผัก สวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ทำบุญ ทำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
– ปลูกที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ
2. หนอง: หนองน้ำหรือแหล่งน้ำ
– ขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจำเป็น และเป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม (หลุมขนมครก)
– ขุด “คลองไส้ไก่” หรือคลองระบายน้ำรอบพื้นที่ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มชื้น ลดพลังงานในการรดน้ำต้นไม้
– ทำ ฝายทดน้ำ เพื่อเก็บน้ำเข้าไว้ในพื้นที่ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่โดยรอบไม่มีการกักเก็บน้ำ น้ำจะหลากลงมายังหนองน้ำ และคลองไส้ไก่ ให้ทำฝายทดน้ำเก็บไว้ใช้ยามหน้าแล้ง
– พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ทั้งการขุดลอก หนอง คู คลอง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง และเพิ่มการระบายน้ำยามน้ำหลาก
3. นา:
– พื้นที่นานั้นให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูดิน ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ยั่งยืน คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดินใช้การควบคุมปริมาณน้ำในนาเพื่อคุมหญ้า ทำให้ปลอดสารเคมีได้ ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกิน
– ยกคันนาให้มีความสูงและกว้าง เพื่อใช้เป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม ปลูกพืชอาหารตามคันนา
ในปี 2554 น้ำท่วมพื้นที่ 65 จังหวัดทั่วประเทศไทย เสียหายกว่า 1.356 ล้านล้านบาท ปี 2557 เกิดหนี้ครัวเรือนกว่า 9.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากปี 2547 ส่วนในปี 2558 เกิดภัยแล้งในประเทศไทย มี 53 จังหวัดขาดน้ำ ปี 2558 เกิดเขาหัวโล้น 8.6 ล้านไร่ใน 13 จังหวัด และมีอุณหภูมิเฉลี่ยในประเทศสูงขึ้น 0.96 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านคน ทำให้ความต้องการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น นำมาสู่การเกิดวิกฤตอาหาร น้ำ และพลังงาน สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จึงทำให้เกิดคำถามกับใครหลายคนว่า “เราจะอยู่รอดในโลกใบใหม่นี้ได้อย่างไร?”
ในการบรรยายเรื่อง “การขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชาสู่เป้าหมายความยั่งยืนของโลก” ในวันที่ 20 กันยายน 2562 ณ หอประชุมเกษม จาติกวณิช สำนักงานใหญ่ กฟผ. นอกจากจะได้รับเกียรติจากอาจารย์ยักษ์ หรือ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ให้การบรรยายแล้ว ยังได้รับเกียรติจากอาจารย์โก้ หรือ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาบรรยายให้ความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาด้วยเช่นกัน โดยอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า การบูรณาการร่วมกันระหว่างนักวิชาการและนักการปกครองมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะบุคคลเหล่านี้จะเป็นต้นแบบและเป็นผู้นำให้ใครหลาย ๆ คนได้ปฏิบัติตาม โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความสมบูรณ์ให้กับชุมชน สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้บริการแก่สังคม ทั้งด้านวิชาการ การฝึกปฏิบัติ การบูรณาการความรู้และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อให้คนในชุมชนได้ฝึกการวิเคราะห์และสังเคราะห์แนวทางแก้ปัญหา โดยทำเป็นตัวอย่างให้เห็นเพื่อให้เกิดความเข้าใจจนสามารถปฏิบัติตาม เกิดการขยายผลจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งจะร่วมแก้ปัญหาในทุกมิติไปด้วยกัน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
การเริ่มต้นที่ดีจึงต้องเริ่มต้นที่ ‘การเปลี่ยนคน’ เราต้องสร้างวินัยให้กับคนไทยให้ช่วยกันดูแลรักษาโลก พร้อมเดินตามรอยที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงวางไว้ ซึ่งพระองค์เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ว่า ‘ให้ทำแบบคนจน’ กล่าวคือ การทำแบบที่ชาวบ้านทำตามได้ แม้จะดูไม่หรูหรา หรือไม่เข้าหลักวิชาการมากนัก แต่ก็ได้ผลและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริง ๆ โดยสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีวินัย ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด ไม่ใช่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรไว้ให้กับแผ่นดิน
รู้จัก “โคก หนอง นา โมเดล” การออกแบบพื้นที่ชีวิตของคนไทย
“โคก หนอง นา โมเดล” เป็นโมเดลต้นแบบที่สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติได้น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้บริหารจัดการน้ำและพื้นที่ทำการเกษตร โดยมุ่งหวังที่จะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับชุมชน ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 กล่าวคือ 30% แรกสำหรับแหล่งน้ำ ทั้งการขุดบ่อทำหนองและการขุดคลองไส้ไก่ที่ช่วยระบายน้ำรอบพื้นที่ อีก 30 % สำหรับปลูกข้าว และอีก 30% สำหรับไว้ทำโคกหรือป่า โดยปลูกผักไว้เป็นอาหาร ปลูกไม้ใช้สอย ปลูกยาสมุนไพร ส่วน 10% ที่เหลือ สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งหากลงมือทำลักษณะเช่นนี้ในหลาย ๆ จุดของประเทศ โคก หนอง นา โมเดล ก็จะช่วยได้มากกว่าการบริหารจัดการน้ำและพื้นที่ทำการเกษตร เพราะจะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้
บริหารจัดการน้ำด้วย โคก หนอง นา
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านทรงเคยรับสั่งไว้ว่า ‘น้ำคือชีวิต’ ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นความพิเศษของโคก หนอง นา โมเดล ก็คือการวางแผนเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดทั้งปี เพราะหากมีน้ำใช้แล้วก็จะอยู่ได้และประกอบอาชีพได้ ช่วยลดการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชากร อีกทั้งยังช่วยลดความแออัด ลดการแย่งพื้นที่ทำกินในเมืองใหญ่ ลดปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาความสกปรก และปัญหาชนบทล่มสลาย โครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่านส่วนใหญ่จึงเป็นโครงการเรื่องน้ำ ดังนั้น โคก หนอง นา โมเดล ก็เช่นกัน ได้มีการนำหลักคิดในเรื่องนี้มาปรับใช้ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปีและไม่ต้องประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว ยังช่วยลดปริมาณน้ำหลากที่จะเข้าท่วมพื้นที่ต่าง ๆ และลดการเกิดตะกอนดินทับถม เพราะมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพียงพอและมีต้นไม้คอยดูดซับน้ำลงสู่ใต้ดิน
ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกอบไปด้วยการวางแผนที่มีความละเอียดเป็นอย่างมาก ดังนั้น โคก หนอง นา โมเดล จึงใช้ลักษณะของการคำนวณการระเหยของน้ำ การคำนวณการใช้น้ำ การคำนวณการบำบัดน้ำเสีย โดยน้ำที่ได้มาในแต่ละรอบจะต้องนำไปวางแผนการผลิต ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงดินและการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อการบริโภค โดยจะต้องสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับหัวคันนาให้สูงขึ้นถึง 2 เมตร เพื่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ วางแผนปลูกข้าว ปลูกพืชอายุสั้นอายุยาว เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ นำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในพื้นที่ โดยเฉพาะพลังงานชีวมวล ซึ่งเมื่อที่ดินดังกล่าวมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์และมีแหล่งน้ำมากเพียงพอแล้ว เมื่อฝนตกลงมาก็จะมีน้ำไหลเข้าไปยังหนอง สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ก็จะได้วางไข่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยตามธรรมชาติ ซึ่งก็จะก่อให้เกิดผลผลิตตามมา เป็นตัวสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้สิ่งสำคัญของหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ก็คือ ต้องสร้างกิจกรรมที่ดีและเหมาะสม เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่าอาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นผู้ที่สร้างอาหารให้ทุกคนได้บริโภค เป็นอาชีพที่สำคัญของโลกที่มีศักดิ์ศรี ควรมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างหลากหลายที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาพื้นที่นั้น ๆ นอกจากนี้การทำตามหลักดังกล่าวจะต้องตอบโจทย์ในเรื่องของความสวยงาม โดยทำให้เหมือนเป็นศิลปะของแผ่นดิน ให้ผู้ที่อยู่อาศัยรู้สึกเสมือนได้พักผ่อนในสถานที่ที่งดงาม ซึ่งนอกจากจะทำให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีเช่นนี้แล้ว สิ่งที่ได้รับตามมาก็คือการพัฒนาคน เพราะทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สังคมจะเกิดความมั่นคงทั้งในด้านอาหารและการเงิน



รับออกแบบโคกหนองนา รับออกแบบด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ การขุดคลองโคกหนองนา ทุกรูปแบบ โดยทีมวิศวกรและช่างมืออาชีพประสบการณ์สูง ออกแบบให้คำแนะนำขุดออกแบบโมเดลโคกหนองนา ขุดโคกหนองนา เกษตรทฤษฏีใหม่ รับงานขุดออกแบบ โมเดลโคกหนองนา รับขุดสระถมที่ วางผังสวนเกษตร รับออกแบบฟาร์มสเตย์ รับออกแบบสวนเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรอินทรีย์ รวมถึงดูแล ประเมินราคา ตามงบประมาณ รับประกันงาน ทุกพื้นที่ ทั่วจังหวัด ทั่วประเทศ ในราคาถูกที่เป็นกันเอง
- ทีมช่างมีประสบการณ์ตรง ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่โคกหนองนามากกว่า 20 ปี
- เดินทางวัดหน้างานสำรวจเบื้องต้นฟรีทั่วจังหวัดเพื่อให้ลูกค้าได้รับ งานที่ตรงความต้องการก่อนตัดสินใจ
- รับออกแบบเกษตรทฤษฎีใหม่โคกหนองนา ทั่วประเทศ ในราคาถูกที่เป็นกันเอง
- ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทาน
- ราคาถูก รับประกันคุณภาพ พร้อมการบริการหลังการขาย
- บริการคุณภาพด้วย STD Serve รับออกแบบโคกหนองนา
พร้อมรับงานทุกขนาด งานบ้านทั่วไป งานโครงการ งานรับเหมา และอื่นๆ สนใจเกษตรทฤษฎีใหม่ ขุดคลอง ต้องที่ STD Serve รับออกแบบโคกหนองนา เท่านั้น
รับออกแบบโคกหนองนา ตาเซะ
รับออกแบบโคกหนองนา ท่าสาป
รับออกแบบโคกหนองนา บันนังสาเรง
รับออกแบบโคกหนองนา บุดี
รับออกแบบโคกหนองนา พร่อน
รับออกแบบโคกหนองนา ยะลา
รับออกแบบโคกหนองนา ยุโป
รับออกแบบโคกหนองนา ลำพะยา
รับออกแบบโคกหนองนา ลำใหม่
รับออกแบบโคกหนองนา ลิดล
รับออกแบบโคกหนองนา สะเตง
รับออกแบบโคกหนองนา สะเตงนอก
รับออกแบบโคกหนองนา หน้าถ้ำ
รับออกแบบโคกหนองนา เปาะเส้ง